คลังเก็บหมวดหมู่: เด็ก

เกินกว่าเหตุไหม? ลงโทษเด็ก ป.3 ลุกนั่ง 300 ที จนเดินไม่ได้ ปัสสาวะไม่ออก

โซเชียลฯ แห่วิจารณ์ นักเรียนชายชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ถูกสั่งลงโทษลุกนั่ง 300 ที จนเดินไม่ได้ ปัสสาวะไม่ออก เบื้องต้นผู้ปกครองลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว

ลงโทษเด็ก-ป.3

เพจเฟซบุ๊ก “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 5.2” ได้โพสต์ภาพพร้อมเผยแพร่เรื่องราวร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรม โดยเป็นภาพของนักเรียนชายชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยอ้างว่า “ถูกผู้ดูแลลงโทษให้เด็กลุกนั่ง จำนวน 300 ที จนต้องเข้าโรงพยาบาลมีอาการบาดเจ็บ ไม่สามารถเดินได้ และที่สำคัญที่สุดคือ ทำให้ตับไตทำงานไม่ปกติปัสสาวะไม่ออก เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเด็กตัวแค่นี้ ถึงน้องจะทำผิดร้ายแรงแค่ไหนก็ไม่ควรทำถึงขนาดนี้ มันเกินไปไหม”

ทั้งนี้ หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ชาวเน็ตต่างให้ความสนใจ และมีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา บางรายแสดงความคิดเห็นถึงการลงโทษเด็กชายในครั้งนี้ว่าไม่เหมาะสมและรุนแรงเกินกว่าเหตุ และควรคำนึงถึงสุขภาพเด็กแต่ละคน เนื่องจากเด็กทุกคนมีปัญหาด้านสุขภาพไม่เหมือนกัน เบื้องต้นผู้ปกครองได้เดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และเด็กได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลรือเสาะ และพบว่าเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ ซึ่งวิธีการรักษาก็คือ การให้น้ำเกลือและติดตามค่าตับค่าไตทุกวัน ถ้าเกิดว่าค่าไตดีขึ้นค่าตับดีขึ้นสามารถกลับบ้านได้

สรุปแฮชแท็ก “ครูยุ่น” หลังมีคลิปตีเด็กในมูลนิธิ อ้างแค่ลงโทษตามระเบียบ

สรุปแฮชแท็ก “ครูยุ่น” หลังมีคลิปตีเด็กในมูลนิธิ อ้างแค่ลงโทษตามระเบียบ

สรุปแฮชแท็ก #ครูยุ่น หลังติดเทรนด์ในโลกโซเชียล ที่มาจากคลิปแฉทำร้ายเด็กในมูลนิธิ เจ้าตัวอ้างแค่สั่งสอน ขณะที่มีเด็กทนไม่ไหว ลาออกเพียบ

สรุปแฮชแท็ก

กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงในโลกโซเชียล เมื่อคนแสดงความคิดเห็น แฮชแท็ก #ครูยุ่น ติดเทรนด์ในโลกโซเชียล สำหรับที่มาที่ไป เริ่มตั้งแต่

มีคลิปความยาวประมาณ 5 นาที ถูกนำมาเผยแพร่ในโลกโซเชียล เป็นภาพเด็กกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอ้างว่า กำลังถูกครูเจ้าของมูลนิธิคุ้มครองเด็กแห่งหนึ่งที่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ลงโทษโดยการเฆี่ยนตี รวมถึงใช้คำหยาบคายกับเด็ก

จากนั้น ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เร่งสืบสวน ติดตามคดี

ต่อมา มีการเชิญ ผกก. สภ.อัมพวา มาชี้แจงรายละเอียดที่เกิดขึ้น นำหลักฐานทั้งหมดมาตรวจสอบ เก็บพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงคัดแยกเด็กที่ถูกกระทำความรุนแรง โดยจะนำเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อ ต่อหน้าสหวิชาชีพ

กระทั่ง หลังจากทีม One Home พม.จังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมทีมสหวิชาชีพคัดแยกเด็ก 8 คนแรกที่ถูกทำร้ายออกมาเข้าสู่การคุ้มครองดูแลของ พม. และคัดแยกเด็กออกมาโดยความสมัครใจอีก 21 คน อายุระหว่าง 1-20 ปี รวมเป็น 29 คน และยังเหลือเด็กที่อยู่ในมูลนิธิอีก 26 คน

จากการสอบถามเด็ก เบื้องต้น ให้การอ้างว่า ถูก “ครูยุ่น” หรือ นายมนตรี สินทวิชัย อายุ 54 ปี เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก (บ้านครูยุ่น) ทำร้ายด้วยการเฆี่ยนตี ด่าทอ

นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลว่า มูลนิธิแห่งนี้ ยังมีการจ้างแรงงานเด็กต่ำกว่าสิบห้าปี ทำงานในรีสอร์ตแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสงคราม โดยจะได้รับค่าจ้างเป็นเงินวันละ 30 บาท แต่ไม่พบว่า มีการเฆี่ยนตี หากไม่ทำงาน ขณะที่มีเด็กบางส่วนทนไม่ไหว หนีออกไปจากมูลนิธิก่อนหน้านี้แล้ว

ต่อมา นายแก้วสรร อติโพธิ ประธานมูลนิธิคุ้มครองเด็ก นายมนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ปรึกษามูลนิธิฯ พร้อมทนายความ พานายมนตรี ไปรับทราบข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายจิตใจเด็ก และใช้แรงงานเด็ก

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบ “ครูยุ่น” เป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง ก่อนให้ประกันตัวโดยไม่จำเป็นต้องใช้หลักทรัพย์ เนื่องจากไม่พบพฤติกรรมหลบหนี

เบื้องต้น ครูยุ่น ยอมรับว่าตีเด็กจริง เพราะมีกฎระเบียบคาดโทษไว้แล้ว เนื่องจากเด็กบางคนมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มีการนำยาเสพติดมาใช้ในมูลนิธิ อีกทั้งบางคนชวนเด็กเล็กพายเรือเล่น ทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็น แต่ปฏิเสธไม่เคยใช้ปัสสาวะราดเด็ก ไม่เคยเอาเสื้อผ้าเด็กมาเช็ดอุจจาระ มีแต่รื้อกองเสื้อผ้าที่คนบริจาคมาให้เด็กไปใส่แล้วกองทิ้งไว้ไม่ยอมซัก

ครูยุ่น บอกว่า ขณะนี้ตัวเองกลายเป็นปิศาจไปแล้วตามสายตาของผู้เสพสื่อ ส่วนที่ตำรวจแจ้งข้อหา ตนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ขณะที่ นายแก้วสรร บอกว่า เด็กพวกนี้ไม่มีบ้าน ถูกรังแก ถูกทำร้าย ทางมูลนิธิฯรับมาดูแล มีอำนาจทางปกครองถูกต้อง สามารถทำโทษเด็กเหมือนพ่อทำโทษลูก ไม่ได้รุนแรงเกินกว่าเหตุ การที่มีเด็กบางคนในกลุ่มนี้ติดยาเสพติด ถ้าเป็นที่อื่นจับส่งตำรวจคงหมดอนาคตไปแล้ว แต่ที่นี่อบรมสั่งสอนให้เด็กกลับตัวเป็นคนดี จะมาหาว่าทำรุนแรงเกินกว่าเหตุได้อย่างไร

นอกจากนี้ ยังฝากไปถึง นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว. พม. ด้วยว่าจะทำอะไรกับเด็กๆกลุ่มนี้ การจะมารับเด็ก 55 คน อาศัยอำนาจอะไร ถามเด็กทั้งหมดหรือยัง ควรสอบถามเด็กแบบเงียบๆ ไม่ใช่นำสื่อมาแบบนี้ ถ้าเอาเด็กออกไปแล้วพ่อแม่มาหาลูกไม่เจอจะทำอย่างไร